Health awareness

หัวใจที่ทำงานหนัก: พูดคุยกับ รศ.พญ. ภัทริน ภิรมย์พานิช เกี่ยวกับภาวะความดันหลอดเลือดแดงปอดสูง (PAH) ที่ใกล้ตัวกว่าที่คิด

15 พฤษภาคม 2025

แชร์บทความนี้

Facebook icon

.st0{fill:#00857C;} X icon

Linkedin icon

Email icon

เป็นโรคที่พบได้ไม่บ่อย จึงมักถูกมองข้าม ทั้งที่สามารถส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผู้ป่วย ภาวะนี้เกิดจากการตีบหรืออุดตันของหลอดเลือดที่นำเลือดจากหัวใจด้านขวาไปยังปอด คล้ายกับ “ท่อน้ำที่มีสิ่งอุดตันจำนวนมาก”

ผู้ป่วยโรคความดันหลอดเลือดแดงปอดสูงมักเริ่มมีอาการเพียงแค่ “เหนื่อยง่าย” ซึ่งเป็นอาการที่ไม่จำเพาะเจาะจง จึงมักถูกมองข้าม และกว่าจะเข้ารับการตรวจวินิจฉัย ก็มักอยู่ในระยะที่โรครุนแรงแล้ว ส่งผลให้การรักษาล่าช้าและพลาดโอกาสในการควบคุมโรคตั้งแต่ระยะแรก การส่งเสริมความตระหนักรู้ทั้งในกลุ่มแพทย์และประชาชนจะช่วยให้สามารถวินิจฉัยโรคได้เร็วขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ผลการรักษาที่ดีกว่า และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้

ปัจจุบันประเทศไทยมียารักษาโรคความดันหลอดเลือดแดงปอดสูง (PAH) เพียงหนึ่งรายการที่อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ขณะที่การรักษาอย่างเหมาะสมมักต้องใช้ยามากกว่าหนึ่งชนิด ทำให้ผู้ป่วยจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีสิทธิ์เบิกจ่าย ต้องเผชิญกับอุปสรรคในการเข้าถึงการรักษาที่ครบถ้วน ส่งผลให้ควบคุมโรคได้ไม่เต็มที่ ซึ่งไม่เพียงกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย แต่ยังส่งผลต่อภาระของระบบสาธารณสุขในระยะยาว

การรักษาโรคความดันหลอดเลือดแดงปอดสูง (PAH) สามารถให้ผลลัพธ์ที่ดี หากเริ่มต้นจากการวินิจฉัยที่ถูกต้องและทันท่วงที และได้รับยาที่เพียงพอและเหมาะสมกับความรุนแรงของโรค อย่างไรก็ตาม การดูแลรักษาที่มีประสิทธิภาพจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งบุคลากรทางการแพทย์ ภาครัฐ ภาคเอกชน และตัวผู้ป่วยเอง เพื่อร่วมกันผลักดันให้เกิดการเข้าถึงการรักษาอย่างทั่วถึงและยั่งยืน

ในร่างกายของเรา มี “ท่อน้ำ” เส้นสำคัญที่หลายคนอาจไม่เคยรู้จัก นั่นคือหลอดเลือดที่นำเลือดจากหัวใจด้านขวาไปยังปอด หากหลอดเลือดเส้นนี้เกิดการอุดตัน เปรียบเสมือนท่อน้ำที่มีเศษขยะอัดแน่น หัวใจก็ต้องทำงานหนักขึ้นทุกวันเพื่อสูบเลือดผ่านทางเดินที่แคบลงเรื่อย ๆ

“มันเหมือนท่อน้ำที่มีของไปอุดเยอะ ๆ ค่ะ”

— รศ.พญ. ภัทริน ภิรมย์พานิช อธิบายภาพของโรค PAH ได้อย่างชัดเจนและเข้าใจง่าย

นั่นคือหัวใจสำคัญของโรคที่เรียกว่า Pulmonary Arterial Hypertension (PAH) หรือ ภาวะความดันหลอดเลือดแดงปอดสูง โรคที่ยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง แต่กำลังบั่นทอนคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยอย่างเงียบ ๆ

“คนไข้ส่วนใหญ่ไม่ได้รู้ตัวหรอกว่าเหนื่อยแบบนี้มันผิดปกติ เพราะมันค่อย ๆ เหนื่อยขึ้นเรื่อย ๆ ใช้เวลาเป็นเดือน หรือเป็นปีค่ะ”

หลอดเลือดปอดของมนุษย์มีความสามารถในการขยายตัวเพื่อรองรับแรงดันที่เพิ่มขึ้นได้ในระยะหนึ่ง ทำให้เมื่อเริ่มมีความผิดปกติ ร่างกายจะยังสามารถปรับตัวได้ อาการจึงค่อย ๆ แสดงออกอย่างช้า ๆ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ หรือคนที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงชัดเจน จึงยิ่งยากต่อการสังเกต

แต่ถ้าเกิดกับนักกีฬา ซึ่งร่างกายเคยชินกับการออกแรงอย่างหนัก อาการจะชัดเจนและรับรู้ได้อย่างรวดเร็ว บางคนรู้สึกว่า “ทำไมเหนื่อยง่ายผิดปกติ” และอาจถึงขั้นเป็นลมกลางสนาม

“บางคนอายุน้อย อาการรุนแรง แต่ได้แค่ยาตัวเดียว เพราะยาอื่น ๆ อยู่นอกบัญชียาหลักค่ะ ทำให้บางครั้งผู้ป่วยอาการเป็นหนักมากขึ้น”

แม้แนวทางการรักษาระดับสากลจะแนะนำให้เริ่มด้วยยาสองชนิดพร้อมกัน เพื่อควบคุมโรคให้ได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แต่ในประเทศไทยยังไม่สามารถทำได้ เพราะข้อจำกัดของระบบสุขภาพ ทำให้แพทย์ต้องเริ่มต้นด้วยยาหนึ่งชนิด และ “ค่อย ๆ ดูอาการ”
ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ หากผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อยาชนิดแรก โรคอาจเป็นมากขึ้น และโอกาสในการควบคุมโรคก็จะลดลง

“จริง ๆ ตอนนี้มียาดี ๆ ออกมาเยอะมากค่ะ ถ้าให้ยาได้ครบ คุณภาพชีวิตของคนไข้ดีขึ้นจริง ๆ”

ภาวะความดันหลอดเลือดแดงปอดสูง (PAH) ไม่ได้ทำให้แค่ “เหนื่อยง่าย” แต่ค่อย ๆ ลดความสามารถในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การเดินขึ้นบันได หรือเพียงแค่เดินขึ้นสะพานลอย…บางคนก็ทำไม่ได้แล้ว

เมื่อเข้าสู่ระยะรุนแรง ผู้ป่วยมักต้องมีผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งไม่เพียงกระทบต่อรายได้และคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย แต่ยังรวมถึงครอบครัว
และหากไม่สามารถเข้าถึงยารักษาได้ ผู้ป่วยอาจต้องนอนโรงพยาบาลบ่อยขึ้น ซึ่งหมายถึงภาระค่าใช้จ่ายที่ภาครัฐต้องแบกรับในท้ายที่สุด

เพื่อให้ผู้ป่วยภาวะความดันหลอดเลือดแดงปอดสูง (PAH) เข้าถึงการรักษาที่มีประสิทธิภาพ คุณหมอได้เสนอแนวทางสำคัญหลายประการในการ “เปิดประตู” การเข้าถึงยาและบริการที่จำเป็น:

“มันไม่ใช่แค่เรื่องของแพทย์หรือคนไข้ค่ะ ต้องทำร่วมกันทั้งภาครัฐ และเอกชน”

“เมื่อก่อนคนไข้มีทางเลือกน้อย แต่ตอนนี้มียาดีขึ้นเป็นสิบ ๆ ตัวแล้วค่ะ ถ้าได้ยาที่เหมาะสม คนไข้มีชีวิตที่ดีขึ้นได้จริง ๆ”

สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือ การสร้างความรู้ ให้สังคมเข้าใจว่า เหนื่อย ไม่ใช่แค่อาการอ่อนแรงธรรมดา และทุกชีวิตควรมีโอกาสเข้าถึงการรักษาที่เหมาะสม

TH-SOT-00033 05/2025